กระดาษ ถือเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในการนำใช้เป็นกล่อง Packaging เพราะวัสดุประเภทนี้จะหาได้ง่ายและมีราคาต้นทุนที่ถูก ซึ่งกระดาษนั้นผลิตขึ้นมาจากเยื่อกระดาษจากต้นไม้และก็จะแยกประเภทออกไปอีกเป็นแบบที่มีคุณภาพและแบบ food grade (สามารถทานได้ หรือสัมผัสกับอาหารโดยไม่มีสารเจือปน) โดยทั่วไปกระดาษก็จะแยกประเภทออกไปอีกหลายแบบตามประเภทของการใช้งาน อาทิเช่น กระดาษปรู๊ฟ กระดาษปอนด์ กระดาษแป้งหลังเทา กระดาษแป้งหลังขาว กระดาษอาร์ตการ์ด กระดาษคราฟท์ เป็นต้น กระดาษปรู๊ฟ (Newsprint Proof) คือกระดาษที่ใช้พิมพ์หนังสือพิมพ์รายวัน ผลิตจากเยื่อที่ไม่มีการฟอกขาวหรือมีส่วนผสมจาก กระดาษ recycle ผสมอยู่ด้วย สีจึงไม่ขาว เป็นกระดาษราคาถูกที่สุด มีความหนาและมาตรฐานอยู่ที่ 50 หรือ 48.8 แกรม กระดาษปอนด์ (Bond Paper) เป็นกระดาษที่มีเนื้อเป็นสีขาว เรียบเนียนสวย ราคาจะไม่แพงมากสามารถนำไปใช้กับงานกล่อง Packaging ได้หลายประเภท ความหนาของกระดาษชนิดนี้จะอยู่ที่ 70-100 แกรม ด้วยต้นทุนที่ถูกจึงเหมาะกับการนำไปพิมพ์เป็นกล่องได้ไม่ยาก เหมาะกับกล่อง Packaging ประเภทกล่องเครื่องสำอาง กล่องใส่อาหาร กล่องครีม เป็นต้น |
กระดาษแป้งหลังเทา (Duplex Board) กระดาษชนิดนี้ เราจะพบเห็นจากกล่อง Packaging ได้ทั่วไป ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะมีราคาถูกสามารถนำไปใช้ได้หลากหลาย โดยลักษณ์ของกระดาษชนิดนี้จะมีหนึ่งด้านที่ถูกเคลือบด้วยแป้งให้ดูเป็นสีขาวพื้นผิวมีความมันและอีกด้านก็จะเป็นกระดาษสีเทามีความหยาบเล็กน้อยการใช้งานก็จะโชว์ด้านสีขาวออกและใช้ด้านที่เป็นสีเทาประกบติดกับตัวสินค้า ความหนาของกระดาษจะอยู่ที่ 300-500 แกรม เหมาะกับกล่อง Packaging ประเภทกล่องขนม ของหวาน กล่องอาหาร เป็นต้น เพราะด้านที่เป็นสีเทานั้นจะสามารถดูดซับความมันได้ดี กระดาษแป้งหลังขาว (Duplex Board with White Back) กระดาษชนิดนี้จะมีความคล้ายกับกระดาษแป้งหลังเทา แต่จะมีความแตกต่างอยู่ที่ด้านในที่ใช้บรรจุจะเป็นสีขาวทำให้มีความสวยงามมากขึ้น สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการกล่อง Packaging สวยๆ แต่ข้อเสียของกระดาษชนิดนี้ก็จะไม่เหมาะกับการนำไปสกรีนหรือพิมพ์หมึกลงไปบนพื้นผิวของกระดาษ เพราะจะทำให้สีที่ลงไปนั้นดูจืด และดรอปลงไปอย่างมาก ควรจะใช้เป็นสติ๊กเกอร์หรือตราปั๊มมาประทับลงไปจะดีกว่า โดยส่วนมากแล้วก็จะเหมากับกล่อง Packaging ประเภทอาหาร ขนม ของว่าง เป็นหลัก กระดาษอาร์ตการ์ด (Art Cards) เป็นวัสดุที่นิยมอย่างมากกับการนำมาทำเป็นบรรจุภัณฑ์และสื่อสิ่งพิมพ์ที่ได้รับความนิยม เนื่องจากเป็นวัสดุที่คุณภาพดีและราคาไม่แพงจนเกินไป ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลายและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายทางเป็นกระดาษเนื้อแน่น มีพื้นผิวที่สามารถทำให้เรียบเนียนทั้งสองด้านหรือด้านเดียวก็ได้โดยถือเป็นกระดาษที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะในตัวเองและสีที่ได้ออกมานั้นจะมีความสด สีสวย กว่ากระดาษชนิดอื่น ซึ่งความนิยมของกระดาษอาร์ตมันนั้นทำให้ผู้ประกอบการทั้งหลายหันมาให้ความสนใจและนำมาใช้เป็นวัสดุสำหรับทำบรรจุภัณฑ์กันเป็นจำนวนมาก โดยส่วนมากแล้วจะนิยมนำมาทำเป็นรูปแบบของกล่อง ซึ่งวันนี้เราจะไปดูกันว่ากระดาษอาร์ตการ์ดนั้นเหมาะกับบรรจุภัณฑ์ประเภทไหนบ้าง
|
กระดาษอาร์ตการ์ดมี 2 ประเภทอาร์ตการ์ด 2 หน้า เป็นกระดาษอาร์ตที่หนาตั้งแต่ 190 แกรมขึ้นไป กระดาษประเภทนี้จะมีผิวเรียบและมันเงาเหมือนกันทั้ง 2 ด้าน โดยมีน้ำหนักตั้งแต่ 190-360 แกรม โดยทั่วไปจะใช้สำหรับงานพิมพ์ประเภทโปสเตอร์ โปสต์การ์ด ปกหนังสือ แฟ้มเอกสาร ซึ่งสามารถเลือกใช้แกรมได้ตามความชอบแต่ที่มักนิยมใช้กันจะอยู่ที่ประมาณ 230-260 แกรม อาร์ตการ์ด 1 หน้า เป็นกระดาษอาร์ตที่มีความแกร่งกว่ากระดาษอาร์ตการ์ด 2 หน้า มีความหนาตั้งแต่ 190-400 แกรม มีผิวด้านหน้าเรียบเป็นมันเงาส่วนด้านหลังจะมีผิวด้านและหยาบเล็กน้อย ทั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดความแข็งแรงมากขึ้นในการรับน้ำหนักสินค้า กระดาษชนิดนี้จึงเหมาะสำหรับพิมพ์งานประเภทกล่องใส่เครื่องสำอาง กล่องใส่สินค้าต่างๆ โปสเตอร์ โปสต์การ์ด ปกหนังสือ เป็นต้น ที่ต้องการความแข็งแรงและยังให้ความสวยงามเป็นพิเศษรวมถึงผิวสัมผัสของเนื้อกระดาษที่เรียบเนียนและให้สีดูสดใส คุณสมบัติของกระดาษอาร์ตการ์ดกระดาษอาร์ตการ์ดเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติที่หลากหลายเหมาะสำหรับการนำมาใช้ทำเป็นบรรจุภัณฑ์ โดยคุณสมบัติของกระดาษอาร์ตการ์ดที่เราสามารถนำไปเปรียบเทียบหรือดูความแตกต่างจากวัสดุชนิดอื่นเพื่อนำมาใช้ทำเป็นบรรจุภัณฑ์ ความหนาของกระดาษ ความหนาของกระดาษเป็นส่วนสำคัญอย่างมากที่จะทำให้คุณภาพของงานที่ผลิตออกมาดี เพราะหากกระดาษบางไปก็จะทำให้ลักษณะของงานที่ผลิตอาจจะเปลี่ยนรูปแบบหรือบิดเบี้ยวไปด้วย น้ำหนักของกระดาษ ในส่วนนี้เราจะรู้จักกันดีในศัพท์ทางเทคนิคที่เรียกว่า แกรม (Gram) เป็นหน่วยค่าวัดของน้ำหนักกระดาษยิ่งตัวเลขของแกรมเยอะ ความหนาของกระดาษก็จะยิ่งมากตามขึ้นไปเช่นเดียวกัน และความแข็งแรงของกระดาษก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปด้วย ความเรียบของพื้นผิวกระดาษ ความเรียบของกระดาษเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่กระดาษจะต้องมี เพราะยิ่งกระดาษมีความเรียบเนียนมากเท่าไรงานที่ออกมาจากเครื่องพิมพ์ก็จะยิ่งคมชัดมีคุณภาพมากเท่านั้น
กระดาษอาร์ตการ์ดเหมาะกับสินค้าบรรจุภัณฑ์ประเภทไหนบรรจุภัณฑ์ส่วนมากที่นำมาบรรจุใส่สินค้าแต่ละประเภทนั้นจะมีการออกแบบดีไซน์ที่แตกต่างกันไป ซึ่งก็จะต้องเลือกดูตามความเหมาะสมที่จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้สูงสุด โดยทั่วไปแล้วกระดาษอาร์ตการ์ดจะถูกนำไปผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์ชนิดกล่องเป็นหลัก เนื่องจากสามารถออกแบบให้กระดาษมีรูปทรงได้ตามที่ใจต้องการและยังสามารถเพิ่มลวดลายลงไปบนกล่องเพื่อให้สินค้าได้มีสีสัน และยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าได้ดีอีกด้วย ส่วนมากแล้วกระดาษอาร์ตการ์ดจะถูกนำไปผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์ประเภท กล่องแพ็คเกจจิ้ง ได้แก่
ซึ่งการทำจะนำมาใช้เป็นกล่องบรรจุภัณฑ์ได้นั้น กระดาษอาร์ตการ์ดจะต้องมีความหนาตั้งแต่ 300 แกรมขึ้นไป เพื่อความแข็งแรงของกล่องในการปกป้องสินค้า ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ภายในและอาจจะเพิ่มลูกเล่นด้วยการเคลือบ PVC เพื่อเป็นการป้องกันไปอีกชั้น กระดาษคราฟท์ (Kraft Paper) กระดาษคราฟท์ เป็นกระดาษที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเมื่อไม่นานมานี้ เพราะเป็นกระดาษที่นำไปใช้เพื่อเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมและช่วยธรรมชาติไปในตัว ซึ่งกระดาษชนิดนี้กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในการนำเอามาเป็นกล่อง Packaging จะมีลักษณะเป็นสีน้ำตาลหรือสีขาว เพราะมีคุณสมบัติที่หลากหลายเป็นกระดาษสำหรับ Food Grade ไม่มีสารปนเปื้อน ราคาถูก สามารถกันน้ำได้และยังสามารถใช้กับสินค้าได้หลากหลายประเภท ยังสามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นรูปทรงตามที่ต้องการได้ ทั้งแบบ กล่อง ถุง ซอง กระดาษคราฟท์ยังแยกประเภทออกไปได้อีก ทั้งกระดาษคราฟท์ สีขาว, สีเหลืองทอง, สีน้ำตาลธรรมชาติ, สีเหลืองอ่อนธรรมชาติ โดยสามารถนำไปใช้กับกล่อง Packaging กับสินค้าได้ทุกประเภท
cr.boxcornerart |